วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ชิสุ

การดูแลสุนัขพันธ์ชิสุ


200px-shih_tzu_portrait_show_dog 

 

ลักษณะสายพันธ์

           ชิสุ เป็นสุนัขขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5 - 7.5 กิโลกรัม (หรือราว 10 - 16 ปอนด์) ส่วนสูงประมาณ 25 - 27 ซม. (หรือราว 10 - 11 นิ้ว) เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีลักษณะนิสัย กล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน         ข้อบกพร่องของสุนัขพันธุ์ชิสุที่จัดว่าร้ายแรงตามมาตรฐานของ AKC : American Kennel Club (สมาคมสุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา) ที่ยอมรับกันทั่วโลก มีดังนี้ 

ข้อบกพร่องของสุนัขพันธ์ชิสุ

           ข้อบกพร่องของสุนัขพันธุ์ชิสุที่จัดว่าร้ายแรงตามมาตรฐานของ AKC : American Kennel Club (สมาคมสุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา) ที่ยอมรับกันทั่วโลก มีดังนี้ 
           - ศีรษะแคบเกินไป
            - ฟันบนเกยฟันล่าง
            - ขนสั้น หรือขนที่ได้รับการขลิบให้สั้น
            - จมูกหรือหนังบริเวณขอบตาสีชมพู
            - ดวงตามีขนาดเล็กหรือมีสีจาง
            - ขนบาง ไม่ดกหนา
            - มุมหักตรงช่วงรอยเชื่อมระหว่างจมูกและหน้าไม่เด่นชัด

 

อาหารและการเลี้ยงดู

 

Spd_20080908172928_b 

 

อาหารที่เหมาะกับเจ้าชิสุสุดสวย ควรเป็นอาหารเม็ดมากกว่าอาหารกระป๋อง เพราะสุนัขมีขนยาว หากให้กินอาหารกระป๋องจะทำให้เลอะหนวดเครา เหม็นคาว ทำให้ต้องทำความสะอาดกันทุกครั้งไป และหากล้างออกไม่หมดก็จะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค อีกทั้งถ้าให้อาหารกระป๋องต้องใช้ให้หมดในคราวเดียว ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อสุขภาพของสุนัขตัวโปรดของคุณได้            ดังนั้น ทางเลือกที่เหมาะที่สุดเห็นจะเป็นอาหารเม็ด ทั้งนี้ การเลือกซื้อควรเลือกประเภทสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก โดยเลือกดูให้เหมาะกับช่วงวัย เช่น ถ้าเป็นอาหารลูกสุนัข ข้างถุงจะพิมพ์ไว้ว่า Puppy มีโปรตีนมากกว่า เม็ดจะเล็กกว่า และจะแพงกว่าอาหารสุนัขโตนิดหน่อย

          
ชิสุมีอายุค่อนข้างยืนยาวคือประมาณ 10-18 ปี ตามแต่ปัจจัยต่างๆ เช่น อาหาร และการเลี้ยงดู โรคที่มักเกิดขึ้นกับชิสุคือโรคตาแห้ง โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ โดยเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาและหูของมันอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำ ความสะอาดของมันโดยเฉพาะ โรคอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคนิ่ว โรคไต และไส้เลื่อน

          
ปกติชิสุจะเป็นมิตรกับคน นิ่งและดูสงบ ดูจะเป็นสุนัขอารมณ์ศิลปินซะด้วย หลายครั้งที่พบว่ามันจะไม่เชื่อฟังเราถ้ามันไม่อยากทำซะอย่าง แต่อย่างไรก็ตามมันก็ชอบวิ่งและรักความสนุกซึ่งเจ้าของจำเป็นจะต้องพามันออก ไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง
ขนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสวยงาม โดยเฉพาะชิสุเป็นสุนัขพันธุ์ขนยาว ที่จะต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีขนเส้นเล็กและพันกันได้ง่าย หากไม่รู้จักวิธีการรักษาขนให้ดี ขนของเขาจะพันกันและมีโอกาสเป็นโรคผิวหนังได้ง่ายๆ 
          
ทั้งนี้ การแปรงขนอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดเป็นเงางาม เพราะมีการนวดให้ต่อมน้ำมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นผมได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นการช่วยขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังด้วย
ในขั้นแรกเราต้องแปรงขนสุนัขให้ทั่วก่อนอาบน้ำ เพื่อสางขนที่พันกันออกก่อน เพื่อที่เวลาอาบน้ำ ขนจะได้ไม่พันกัน ซึ่งจะแกะออกลำบาก จากนั้นก็ใช้กรรไกรตัดเล็บสุนัข ตัดเล็บเท้าทั้งสี่ข้างออกให้หมด และใช้แบตตาเลี่ยนไถขนไต้อุ้งเท้าออกทั้ง 4 ข้าง เหตุที่ต้องไถขนที่ใต้อุ้งเท้าก่อนอาบน้ำ ก็เพื่อเวลาอาบเราจะได้ทำความสะอาดได้ทั่วถึงยังไงหละค่ะ
เสร็จแล้วเราจึงใช้แปรงหวีขนที่หางให้เรียบ แล้วจับรวบหางขึ้น และใช้แบตตาเลี่ยนไถขนบริเวณโคนหาง ที่ต้องไถบนที่โคนหางเพื่อทำให้ตำแหน่งหางสูงขั้น จึงควรพิถีพิถันตรงจุดนี้ด้วยเช่นกัน       เสร็จขั้นตอนก่อนอาบน้ำแล้ว ก็ถึงเวลาเปียกกันได้แล้ว การอาบน้ำสุนัขพันธุ์ชิสุ



ขั้นแรกใช้ฝักบัวฉีดน้ำให้ทั่ว และควรใช้น้ำอุ่นจะช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนดี ขั้นตอนนี้ใช้เวลานานสักหน่อย เพราะขนสุนัขพันธุ์ชิสุหนาจึงควรราดน้ำให้ทั่วจริง ๆ เพื่อเวลาฟอกแชมพูจะได้สะอาดทั่วถึง 
จึงใช้น้ำล้างแชมพูออกให้หมด อย่าให้แชมพูหลง เหลืออยู่ มิฉะนั้นสุนัขจะคันและเกาจนเป็นแผลได้สำหรับแชมพูที่ใช้ ก็คือแชมพูที่คนใช้นี่แหละคะ ท่านใช้อย่างไหนสุนัขใช้อย่างนั้นได้เหมือนกัน เพียงแต่ท่านต้องนำแชมพูมาผสมให้เจือจางเสียก่อนเมื่อราดน้ำจนทั่วตัวสุนัขแล้วราดแชมพูที่ผสมจนเจือจางให้ทั่ว จากนั้นใช้มือลูบๆ อย่าเกา เพราะจะทำให้ขนพันกันเมื่อใช้มือลูบและนวดจนทั่วแล้ว

ใช้มือบีบขนไล่น้ำออกก่อนจะเช็ดตัว การเช็ดตัวก็ต้องมีเทคนิคด้วยนะคะ
 
วิธีการเช็ดตัวใช้ผ้าเช็ดลงตามขนอย่าขยี้ เพื่อขนจะได้ไม่พันกัน
จากนั้นก็นำมาเป่าด้วยไดร์เป่าผม ใช้แปรงช่วยแปรงโดยเริ่มจากด้านนอกก่อน เพื่อสุนัขจะได้อุ่นเพราะเมื่ออาบน้ำเสร็จใหม่ๆขนของเขาก็เหมือน กับผ้าเย็นๆ ห่อตัวเขาอยู่ เพราะฉะนั้นเราจึงควรไดร์ขนข้างนอกให้แห้งก่อนเพื่อช่วยให้เขาอุ่นขึ้น
สุนัขที่ยังเล็ก ๆ เราเริ่มไล่ตั้งแต่หัวไปก่อน เพื่อความสะดวก จากนั้นก็ไล่ไปเลื่อยจนสุดปลายหาง แต่ตัวใหญ่จะไล่จากหางไปหัว เวลาทำก็จะแบ่งซีกทำทีละครึ่งตัว และต้องแบ่งขนตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งจริงแล้วตามธรรมชาติขนของชิสุจะแสกกลางเอง เพราะขนเขามีน้ำหนักพอที่จะแบ่งเองได้ แต่จะสวยสู้เราแบ่งให้เขาตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่ได้
หลังจากไดร์พร้อมกับใช้แปรงช่วยแปรงให้ขนด้านนอกแห้งหมาดๆ ทั่วตัวแล้ว เราจึงเริ่มแปรงอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเริ่มจากลำตัวด้านซ้ายของสุนัขก่อน แต่จริงๆ แล้วเราจะเริ่มทำจากด้านไหนก่อนก็ได้ แต่เหตุผลที่เราควรเริ่มจากด้านซ้ายก่อน เพราะด้านซ้ายเป็นด้านที่เราใช้โชว์ให้กรรมการเห็นเวลาโพส์ทท่าในสนามประกวด ด้านซ้ายนี้เราจึงพิถีพิถันมากหน่อยใช้มือเปิดขนขึ้นเป็นชั้น ใช้แปรงๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมกับใช้ไดร์เป่าจนแห้งถึงชั้นในสุด
จากนั้นก็จับสุนัขยืนขึ้นและใช้แปรงๆ ขนลง ทำเช่นเดียวกันกับทางด้านขวา และเริ่มเป่าขนบริเวณด้านหน้าให้แห้ง พร้อมกับใช้แปรงช่วยแปรงจากนั้นมาเป่าใต้ท้องให้แห้ง เมื่อแห้งทั่วตัวแล้วจึงใช้หวีที่หางยาวแสกขนกลางลำตัวให้ตรง เริ่มจากก้นจนถึงหัวแล้วแปรงขนทั้งสองข้างให้เรียบเท่ากัน จึงจะลงมือตัดขนที่ยาวเกินพื้น ที่บริเวณเท้าทั้งสี่ข้างให้เสมอกับเท้าสุนัข  ใช้มือลูบขนลงและจับขนบริเวณขารวบแล้วให้กรรไกรค่อย ๆ ตัดแต่งให้เสมอกับฝ่าเท้า ขนที่เท้าควรตัดให้กลมไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไปและระวังแหว่งด้วยนะคะ
                เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วก็ใช้หวีๆ ขนที่หน้าฝากขึ้นและแสกขนบริเวณหนวดให้สวยงาม จากนั้นจึงใช้ยางมัดขนมัดจุก ถ้าตัวไหนมีขนบริเวณนี้เยอะ ก็จะแบ่งมัดเป็นสองจุกแล้ว จึงมัดรวบรวมกันเป็นจุกเดียวอีกทีหนึ่ง แต่ถ้าตัวไหนขนน้อยก็มัดเป็นจุกเดียวก็พอ แหละนี้คือการสาธิตถึงแค่ขั้นตอนการดูแลรักษาขนแต่ยังไม่สาธิตวิธีการแต่งจุกเพื่อการประกวดถ้ามีโอกาสเราจะนำมาแนะนำอีกครั้งหนึ่ง  
             สำหรับวิธีการเก็บขนสุนัขที่โตแล้วมีขนที่ข้างแก้มและขนที่กลางศีรษะยาว เราก็มีวิธีการรักษาขนส่วนนี้ไม่ให้พันกันโดยการมัดยางรวบไว้
   หรืออาจจะใช้กระดาษห่อขนไว้ ส่วนขนที่กลางศีรษะก็ใช้กระดาษห่อแล้วพับทบไปมา เมื่อท่านจะแกะยางออกจากขนก็ให้ใช้กรรไกรตัดอย่าเอามือดึงออกมาเพราะขนจะขาดหมด สำหรับการอาบน้ำให้อาบอย่างน้อยห้าวันครั้งแต่ต้องแปรงขนทุกวัน

แปรงสำหรับแปรงขน

โรคและวิธีการป้องกัน
             โรคตาแห้ง เป็นโรคที่มักเกิดกับสุนัขพันธุ์ชิสุ เพราะมีดวงตากลมโต ลูกตาเปิดกว้าง ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุกับดวงตาด้วย ทั้งนี้ อาการของโรคตาแห้ง  แห้ง คือน้ำตาน้อย ก็ต้องรักษาด้วยการหยอดตาต่อเนื่อง อาจจะนานๆครั้ง หรือไม่ก็ตลอดชีวิต สำหรับการดูแลรักษา อย่างแรกเลยผู้เลี้ยง ควรเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดโดยเฉพาะ และเมื่อเห็นความผิดปกติของลูกตาให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะ ถ้าทิ้งไว้นาน อาจทำให้ติดเชื้อ แก้วตาละลาย ถึงขั้นตาบอดได้ อีกอย่างถ้าพามาตั้งแต่แรกเริ่มก็จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่สูงมากนัก

           โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ ส่วนใหญ่เป็นการอักเสบของช่องหูภายนอกที่เรียกว่า "otitis externa" เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาการของสุนัขที่ป่วยหูอักเสบ ได้แก่ มีกลิ่นเหม็น ชอบเกาหู หรือเอาหู (หัว) ไปถูกับวัตถุ ช่องหู หรือใบหูมีสีแดง หรือบวม ในบางตัวอาจมีสิ่งคัดหลั่งออกมาจากช่องหู ฯลฯ

           สำหรับวิธีการป้องการที่ดีที่สุด คือการรักษาความสะอาด ควรตรวจสอบช่องหูของสัตว์เลี้ยงทุกสัปดาห์ สุนัขบางตัวมีขี้หูน้อย บางตัวก็มีมาก แตกต่างกันไป ควรใช้สำลีหรือผ้านิ่มๆ เช็ดบริเวณรูหูส่วนนอก และใบหูเป็นประจำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ถ้าพบว่าสุนัขของคุณสะบัดหู หรือเกาหูบ่อย ก็ให้นำไปพบสัตวแพทย์ เพราะอาจมีแมลงเข้าหูหรืออาจเกิดโรคหูอักเสบขึ้น
นอกจานี้ ชิสุ ยังมีโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคนิ่ว โรคไต โรคผิวหนัง และไส้เลื่อน ทางที่ดีผู้เลี้ยงควรฉีดวัคซีนให้สุนัขตามกำหนดให้ครบ และใส่ใจเรื่องอาหาร และการออกกำลังกาย และหากผิดความผิดปกติใดๆ ก็ตามควรรีบพาสัตว์เลี้ยงแสนรักไปพบแพทย์เพื่อได้รรับการวินัจฉัยและการรักษาที่ตรงจุดต่อไป
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น